review Zontes 368G by Just Ride It ณ เวลานี้ใครไม่รู้จักหรือไม่เคยได้ยินชื่อของ Zontes รุ่น 368 G นี่ต้องบอกได้เลยว่า รีบหาข้อมูลกันด่วนๆ แต่สำหรับใครที่ไม่มีเวลาหา รีวิวนี้เราจะพามาทำความรู้จักกันให้มากยิ่งขึ้น
Zontes in Thailand ดินแดนที่รถแนว Scooter กำลังมาแรง ด้วยความสะดวกสบาย ในการใช้งานต่างๆ
ทำให้รถแนวนี้ยอดขายเติบโตเป็นอย่างมาก
และหากใครเคยได้ยินหรืออ่านผ่านๆเห็นคำว่า”รถขนขิง” Zontes นี่แหล่ะครับ แหล่งที่มาของคำๆนั้น
ด้วยออฟชั่นที่ให้มาแบบล้นๆจนคนถึงกับต้องงงว่าขายเอามันส์กันหรือไง
ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ขนเอา 350 E และ 350 D มาตีตลาด จนรถขาดส่งกันไปช่วงนึง
ถึงกระนั้นยังไม่สาแก่ใจ เอาตัวใหม่ในชื่อรหัส 368 G มาตีซ้ำ ทำให้ตอนนี้เราต้องยอมรับครับว่า กระแสมันมาแรงมากจริงๆ
Zontes 368 G มาในรูปแบบรถ Adventure Scooter ซึ่งกลุ่มเป้ามายค่อนข้างชัดเจนและตรงกลุ่ม
นั่นก็คือคนที่มีโจทย์ให้กับตัวเองว่าอยากได้รถที่ใช้งานสบายๆ แต่ก็ต้องลุยได้ในประมาณนึง
ซึ่งเจ้า 368G เนี่ย มันตอบได้ทุกโจทย์ที่ต้องการครับ
ไม่ว่าจะเป็นทางดำหรือทางดิน ก็สามารถพาไปได้ตามความสามารถของผู้ขับขี่เลย
ซึ่งมันโดดเด่นมากๆในทางดินจากการที่ระยะใต้ท้องรถ(Ground Clearance) สูงกว่าทั่วๆไปในแบบเดียวกันที่มีวางจำหน่ายอยู่ในขณะนี้ซึ่งสูงถึง 180mm กันเลย ทำให้เราสามารถพารถลุยสิ่งกีดขวาง ลูกระนาด หินลอยต่างๆได้ง่ายดายมากขึ้น
ช่วงล่างที่ทำออกมาได้อย่างดีและมีความยืดหยุ่น
โช็คหน้า Upside Down ขนาด 41mm ที่สามารถCompression และ Rebound ได้
โช็คด้านหลังคู่แบบคอยล์สปริงมีซับแท้งก์ปรับ Preload และ Rebound ได้
เมื่อสองสิ่งมารวมกัน ความมันส์ในทางดินจึงบังเกิด
นอกจากนี้ยังมีออฟชั่นเล็กๆที่ทาง Zontes ไม่มองข้ามไปก็คือเรื่องของบังโคลนด้านหน้า ที่มีการใช้แผ่นยางปิดตรงกลางด้านบนเพื่อป้องกันและลดแรงกระแทกจากจังหวะที่โช็คอัพด้านหน้ายุบจนสุดได้
ดิสเบรคหน้าแบบสี่ลูกสูบจาก J.Juan แบรนด์ลูกของ Brembo มาพร้อมกับ ABS และยังสามารถสั่งปิดการทำงานของ ABS ที่ล้อทางด้านหลังได้
ใต้เบาะใหญ่โตให้ความจุมาถึง 52ลิตร ใส่หมวกแบบเต็มใบได้สองใบสบายๆ
หรือสายเดินทางคนเดียวขนเสื้อผ้าเอาไว้ใต้เบาะก็ออกทริปหลายๆวันได้เลยเช่นกันแทบไม่ต้องติดปิ๊บเพิ่มอ่ะใต้เบาะไซส์นี้
ทีเด็ดกับหน้าจอ TFT สีสันสดใสใหญ่ขนาด 8″
บอกรายละเอียดต่างๆอย่างครบครัน ทั้งรอบเครื่องความเร็ว ความร้อน ไปจนกระทั่งลมยาง แถมยังปรับเปลี่ยนได้อีก 4 รูปแบบรองรับการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือ แต่ไม่ต้องกลัวว่าใครจะมามั่วเชื่อมได้ เนื่องจากต้องลงทะเบียนผ่านแอพ
ซึ่งจะใช้ได้เฉพาะเจ้าของรถตัวจริงเพียงเท่านั้น
ล้อแบบซี่ลวดด้านหน้า 17″ ด้านหลัง14″ ยางแบบกึ่งไม่ใช้ยางใน
ระบบไฟรอบคันเป็นแบบ LED แถมโคมหน้ามีโปรเจคเตอร์ใส่มาอีก 4 ดวง
ยัง ยังไม่สาแก่ใจ ให้ไฟสปอร์ตไลท์ มาอีก ส่องสว่างชัดเจนทุกเส้นทาง
ใต้ท้องมีแผ่นอลูมีเนียมป้องกันการกระแทก เพิ่มความแข็งแรงทนต่างต่างจากวัสดุแบบพลาสติก
Tracktion Control สั่งปิดและเปิด ช่วยให้ตะเลิดในทางดินได้มั่นใจมากขึ้น ปุ่มควบคุมต่างๆ ทำความคุ้นเคยสักแป๊บก็ควบคุมได้ง่าย
อีกหนึ่งชิ้นสำหรับออฟชั่นที่ให้มาแล้วเห็นว่าเป็นประโยชน์อย่างมากจริงๆ
นั่นคือ พักเท้า กลางนั่นเองครับ แน่นอนว่าเมื่อเราต้องเข้าสู้เส้นทางที่ไม่ได้ราบเรียบมากนัก การนั่งขี่มันควบคุมรถได้ไม่ดีเท่าการยืนอยู่แล้ว และมันดีกว่าแน่เมื่อพักเท้ากลางสำหรับยืนมันติดมาให้โดยไม่ต้องไปหาซื้อเพิ่ม
แถมยางตรงพักเท้ายังสามารถถอดออกได้ด้วยเครื่องมือที่มีมาให้พร้อมกับรถ
แคชบาร์ที่มีมาให้ อุปกรณ์อีกหนึ่งชิ้นที่งานสวยแบบแทบไม่คิดจะหาซื้อเพิ่ม คือของเดิมๆก็สวยและใช้งานได้จริงแล้ว
รายละเอียดออฟชั่นเล็กๆที่ไม่เล็กน้อย
ชิลด้านหน้าที่สามรถปรับได้ถึง 5 ระดับ
ถังน้ำมันแบบ Airplane Tank Cap ฝาปิดถังน้ำมัน เปิด-ปิดได้ง่ายๆแค่มี Keyless อยู่ใกล้ๆ ถังน้ำมันความจุ 17.5 ลิตร
จุดชาร์ที่มากมายถึง 3 จุด ใต้หน้าจอ ช่องเก็บของด้านซ้าย และใต้เบาะ ซึ่งเป็นแบบ 2หัว Type A และ Type C ตะขอเกี่ยวของบริเวณกลางคอนโซลหน้า ที่ออกแบบซ่อนมาอย่างแนบเนียน
กล้องหน้าและหลังบันทึกที่ความละเอียด 1080P บันทึกแบบวนทับครั้งละ 1 นาที โดยมีหน่วยความจำ 128 Gb
ปล.กล้องนี่ใส่มาให้สำหรับลูกค้ากลุ่มแรกที่จองภายในสิ้นปีนี้นะจ๊ะ
สเป็คกับออฟชั่น มันมาแบบล้นๆแล้ว
มาเรื่องของการขับขี่กันบ้าง ครั้งนี้ทีมจีสมีโอกาสได้ขับขี่ระยะทางรวมๆส้องร้อยกว่ากิโลเมตร
คร่อมครั้งแรก สูงงงงงง ก็แหงล่ะผู้ทดสอบมีความสูงเพียง 157 เซ็นติเมตร แต่เดี๋วก่อน เบาะสูงก็จริงแต่การวางขาสู่พื้นกลับไม่ได้ยากครับ เนื่องจากบริเวณพักเท้ากลางนั้นสามารถพับแล้วเกิดช่องว่างบริเวณกลางรถ ทำให้ขาอันแสนสั้นของผู้ทดสอบสามารถห้อยลงเอาเม้าไปแตะพื้นได้ไม่ถึงขั้นลอยโต่งเต่ง
เมื่อรถเคลื่อนตัวออก น้ำหนักรถ 190 กิโลกรัม ไม่มีผลในการควบคุม จะมีผลบ้างก็ตรงระยะแฮนด์ค่ามาตรฐานโรงงานแอบยื่นไกลไปนิดสำหรับคนช่วงตัวสั้นๆ แต่มันสามารถปรับให้เข้าใกล้ตัวได้ เนื่องจากเป็นรถทดสอบเราจึงไม่ได้ทำกการปรับใดๆ คือรถค่ามาตรฐานมาแบไหนน ก็ขับกันไปทั้งแบบนั้น
ย่านความเร็วที่ 100-140 คือย่านที่หลายๆท่านคงใช้งานสำหรับการเดินทางกันเป็นประจำ เจ้า 368G ทำออกมาได้ดีเลยครับ
ไม่มีการรอรอบ เรียกเป็นมา อัตรการบริโภคน้ำมันจากค่าเฉลี่ยหน้าจอตอนทดสอบ ด้วยความเร็วข้างต้นตก 28-30กิโลลิตร
ถือว่าไม่แย่เลยสำหรับรถที่ให้อัตราเร่งได้ดีแบบนี้และน้ำหนักขนาดนี้ ส่วนความเร็วสูงสุดนั้นทางทีมจัสทำได้ไม่ถึงครับ เราขับขี่กันในย่านความเร็วใช้งานทั่วๆไป
การขับขี่บนเส้นทางดำ ในช่วงแรกจะมีความรู้สึกเคว้งๆคว้างๆไปบ้าง ด้วยขนาดความสูงใต้ท้องที่สูงกว่าทั่วๆไป
แต่เมื่อปรับตัวได้ก็ไม่ใช่ปัญหาครับ การพลิกรถทำได้รวดเร็วแม่นยำ ช่วงล่างบวกกับยางที่ให้มา เอาอยู่แบบสบายๆ
และเมื่อกระโจนเข้าสู่ทางดิน ความโดดเด่นมันก็เฉิดฉาย ดั่งที่ Zontes ตั้งใจให้มันเป็น Adventure Scooter อยู่แล้ว
คือมันลุยในทางแบบนี้ได้ดีกว่ารถอื่นๆแน่นอนในเวลานี้ ในตะกูล Scooter ช่วงล่างซับแรงได้ดี
อาจจะต้องมีการปรับเพิ่มหรือลดบ้างตามน้ำหนักของผู้ขับขี่แต่ละคน
ABS ที่ล้อหลังเมื่อสั่งปิด ก็เพียงพอที่จะพาเราพิชิตเส้นทางได้มากขึ้น และด้วยมาตรฐานความปลอดภัยระบบ ABS หากเราดับเครื่องยนต์ระบบจะกลับมาทำงานใหม่ทุกครั้งต้องเข้าไปสั่งการให้ปิดทุกครั้งที่เราจะใช้งาน รวมถึง Tracktion Control
สรุป
สมแล้วที่เค้าเรียกๆกันว่า “รถขนขิง” เพราะสิ่งที่ให้มากับรถ ออฟชั่นมันล้นเกินเพื่อฝูงในคลาสอย่างมาก
ถึงแม้ว่ามันจะลุยได้มากกว่าก็จริง สิ่งนึงที่ผู้ที่กำลังสนใจต้องไม่ลืมว่ามันคือรถที่พื้นฐานคือ Scooter
จะเอาไปลุยหนักๆแบบรถโซ่ก็คงไม่ได้ขนาดนั้น
ถ้าอยากได้ความสบาย ออฟชั่นล้นๆ รถที่พาไปซนได้มากกว่า ใครที่กำลังมองหารถใช้งานสักคัน
ที่สามารถพาเราไปในเส้นทางต่างๆได้ไกลว่าเดิมในข้อจำกัดเดิมๆ
Zontes 368 G จำชื่อรุ่นรหัสนี้เอาไว้ให้ดี แล้วไปจองกันที่ศูนย์ตัวแทนจำหน่ายใกลๆบ้านให้ไวเลย
Zontes 368G ราคา 178,800 บาท
(จากราคาปกติที่ 182,800 บาท ได้ Voucher 4,000 บาทเและติดตั้งกล้องหน้า-หลังมูลค่า 6,000 บาทสำหรับผู้ที่จองจนถึงช่วงสิ้นปี) มีทั้งหมด 3 สี ได้แก่ Light Grey, Extra Black, และ Ginger Desert Brown
อ่อ ศูนย์บริการ ZONTES กำลังเปิดและเพิ่มสาขากระจายทั่วประเทศแล้วนะ
CR: Just Ride It